Final FantasyXV Fan Fiction

Pairing : Gladiolus/Ignis

Rate : –

Note : เนื้อเรื่องตอนต่อจาก Question

อิกนิสไม่รู้จักและไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องรักใคร่ได้เลย กระทั่งถูกมันดูดดึงเข้าหาจนได้ในวันหนึ่ง
…หรือจะบอกว่าเขาเป็นคนเดินเข้าไปหามันเองก็ไม่ผิดนัก
…พวกเขามีอะไรกันแล้ว… นี่เป็นความจริงที่เกิดขึ้นและพวกเขาเองก็รู้อยู่แก่ใจดี
อิกนิสยกน้ำอัดลมในมือขึ้นดื่ม รู้สึกไม่ค่อยคุ้นเคยกับรสสัมผัสของมันนัก แต่ก็คงไม่สามารถเทียบได้กับความรู้สึกแปลกๆ ที่ต้องมานั่งในร้านฟาสต์ฟู้ดให้คนตรงหน้าเหม่อจ้องหน้าเขาเลยแม้แต่น้อย
ราชเลขาไม่แน่ใจนักว่าถูกจับจ้องอยู่จริงหรือเปล่าแต่เขาก็หลุบสายตาลงราวกับว่าการทำแบบนั้นจะช่วยให้เขาหลบหนีออกไปจากจุดนั้นได้
กลาดิโอ้ขับรถไปส่งเขาในวันนั้นตามที่ร้องขอ มันยากไม่น้อยที่ต้องเผชิญหน้าเมื่อความทรงจำทุกอย่างยังคงแจ่มชัด
…มีเรื่องมากมายที่สำคัญกว่านี้ มันไม่ใช่เรื่องอะไรใหญ่โต เขาควรจะมีสมาธิกว่านี้ ทำตัวให้เป็นธรรมชาติกว่านี้…
เขาพร่ำบอกกับตัวเองเป็นร้อยพันครั้ง เป็นความจริงที่ว่าเรื่องทั้งหมดเป็นครั้งแรกสำหรับเขา แต่ก็เห็นได้ชัดว่าสำหรับกลาดิโอ้แล้วไม่ใช่ เพราะแบบนั้นอิกนิสจึงไม่ค่อยแน่ใจนักว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาควรจะเรียกว่าอะไรดี
…พวกเราคบกันอยู่รึเปล่านะ?…
จริงอยู่ที่ว่าพวกเขาดื่มกันซะเยอะ แต่ว่าก็เป็นเขาเองที่ตัดสินใจยอมลงและโอนอ่อนผ่อนตามให้กับสัมผัสนั้น
..เป็นเขาเองที่เคลื่อนเข้าหาใบหน้านั้นก่อน…
แม้หลังจากนั้นพวกเขาจะทำตัวตามปกติกันมาโดยตลอด แต่กลาดิโอ้ก็ปฏิบัติตัวชัดเจนพอสมควรทีเดียว เพราะหลังจากวันนั้นกลาดิโอ้ก็ไม่ได้ยุ่มย่ามหรือไปมีอะไรกับคนอื่นอีก
…อย่างน้อยก็เท่าที่รู้…
‘ปกติคนคบกันเขาทำตัวแบบไหนกันนะ?’
อิกนิสคิดแบบนั้นขึ้นมาเพราะเขาไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้มาก่อน แต่ถ้าหากกลาดิโอ้พยายามทำอะไรให้ชัดเจนแล้วเขาเองก็ควรจะทำด้วยเช่นกัน
‘กินข้าว?’
‘ดูหนัง?’
‘ไปไหนมาไหน?’
…ถ้าอย่างนั้นมันต่างกับที่พวกเขาทำตามปกติตรงไหนล่ะ?…
เขามุ่นหัวคิ้ว สายตาของคนตรงหน้าทำให้คิดอะไรไม่ออกเอาเสียเลย เขาดันเก้าอี้ ยื่นมือไปด้านหน้าโบกเรียกสติ
“กลาดิโอ้…กลาดิโอ้.. เฮ้
…วันนี้กลาดิโอ้ทำตัวแปลกๆ…
และมันก็ไม่ใช่แปลกในทางที่ดีนัก อิกนิสคิดแบบนั้น ยิ่งหลังจากเห็นสภาพหมดเรี่ยวหมดแรงจนน่าตกใจของน็อคทิสก็ยิ่งได้แต่ถอนหายใจ
…หลังจากนี้คงต้องคุยกัน…
ราชเลขากำลังใช้ความคิดหลังจากล้มเลิกความตั้งใจที่จะไล่เจ้าชายจอมขี้เกียจไปอาบน้ำ เขาล้างจานไปเรื่อยก่อนจะรู้สึกได้ถึงสายตาของคนที่มายืนเยื้องอยู่ด้านหลัง
“ไม่ใช่ว่าจะให้หมอนั่นพักต่ออีกหน่อยรึไง?” ตัดสินใจทำลายความเงียบแต่คนด้านหลังก็ดูไม่ได้สนใจจะตอบกลับเลยซักนิด
…หรือว่าเขาไปทำอะไรให้ไม่พอใจเข้ารึเปล่านะ…
อิกนิสคิดแบบนั้นพลางชะลอความเร็วของสิ่งที่ทำอยู่ลงเผื่อว่าเขาจะเพียงเข้าใจอะไรผิด แต่กลาดิโอ้ก็ยืนเงียบอยู่แบบนั้น นานเสียจนเขาต้องหันไปหาเอง
“มีอะไร?”
“นายไม่รู้จริงๆ หรือทำเป็นไม่รู้กันแน่?”
คนฟังเรียบเรียงไม่ถูกเมื่อได้รับคำถามตอบกลับมา แวบนึงที่เขาคิดว่าเข้าใจถึงได้อ้าปากเตรียมจะตอบ แต่เอาเข้าจริงแล้วมันก็ไม่ใช่แบบนั้น สิ่งที่หลุดออกจากปากเขาจึงเป็นแค่เสียงเรียกอ่อนจาง “…กลาดิโอ้”
เจ้าของชื่อเงียบตอบทำให้บรรยากาศยิ่งอึดอัดขึ้นอีก อิกนิสเริ่มมองหาทางหนีโดยไม่รู้ตัว เพราะแบบนั้นเขาจึงไม่ลังเลเลยซักนิดที่จะพุ่งพรวดไปหาคนที่ช่วยทำลายความเงียบลงให้
“เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอกน็อค”
องค์ชายผงกหัวตอบอย่างง่วงงุนทั้งๆ ที่ยังเปียกโชกไปทั้งตัว
“เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนแล้วค่อยนอนนะ” พูดต่อระหว่างที่ยังขยับมือเช็ดหัวไปด้วย แม้จะบอกว่าการดูแลน็อคทิสเป็นหน้าที่ของเขา แต่เอาเข้าจริงเขาก็ไม่อาจทนปล่อยให้เด็กคนนี้ใช้ชีวิตคนเดียวได้จนต้องลามมาดูแลเกินหน้าที่อยู่เสมอ
…หากก็คงไม่ได้รวมถึงวันนี้…
ราชเลขาถูกประชิดเข้าทางด้านหลัง ไม่เข้าใจนักแต่ก็ไม่ต้องสงสัยว่าเป็นใคร ยังไม่ทันจะหันไปต่อว่า ของในกระเป๋ากางเกงก็ถูกล้วงออกไปโดยไม่ขอ รู้สึกหมดความอดทนขึ้นมาจนได้ “เล่นอะไรของนาย!?”
“กลับกับฉัน เดี๋ยวนี้”
อิกนิสมุ่นหัวคิ้ว “เป็นอะไรขึ้นมาอีกล่ะ?”
คนถูกถามไม่ตอบแต่คว้ามือของเขาขึ้นแทน “กลาดิโอ้!” อิกนิสเรียกอีกและออกแรงขืนข้อมือแม้จะไม่มีผล
เลยแม้แต่น้อย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาต้องยอมโดนลากออกไปทั้งๆ แบบนั้นในที่สุด
“ไม่มีอะไรจะพูดกับฉันรึไง?”
อิกนิสมุ่นหัวคิ้วเมื่อสิ่งที่ได้ตอบกลับมาหลังจากการระเบิดอารมณ์ของตัวเองเป็นเพียงประโยคคำถามที่ไม่อาจอธิบายอะไรได้เลย ช่วยไม่ได้ที่จะรู้สึกหงุดหงิดขึ้นอีก
“หา? ไม่ใช่นายรึไ-..” เสียงของเขาถูกหยุดเมื่อคนที่ลากเขามาจนถึงห้องนอนจ้องตอบด้วยสายตาน่ากลัว
“ฉันถามว่านายไม่มีอะไรจะพูดกับฉันรึไง อิกนิส”
เจ้าของชื่อถอยหลังหนีแต่ก็ได้แค่ปะทะเข้ากับกำแพงเมื่อพวกเขาอยู่ห่างจากประตูมากเกินไป ไม่อาจมองตอบแววตาดุดันกลับได้ “ถอยไปนะ…”
“แล้วก็ปล่อยให้นายหนีไปอีกน่ะเหรอ?”
อิกนิสสะดุ้ง ได้เพียงมองตอบคนตรงหน้าอย่างกระอักกระอ่วน อยากจะปฏิเสธว่าไม่ได้ตั้งใจจะทำเช่นนั้น แต่ริมฝีปากก็หนักเสียจนได้แต่นิ่งงัน
“ถ้านายไม่รู้จะพูดอะไร ฉันจะเป็นฝ่ายถามเองก็ได้..”
“กลาดิโอ้…”
ใบหน้าถูกเคลื่อนเข้าใกล้ ดวงตาของเขาถูกตรึง มือสากๆ ลูบใบหน้าไล่จากข้างแก้มจนมาจบลงที่ริมฝีปาก สัมผัสที่ชวนให้เขารู้สึกแปลกๆ ขึ้นมาอีกครั้ง
“นายเองก็รู้สึกใช่มั้ยล่ะ?”
…อะไร นายกำลังหมายถึงอะไร
“บอกไว้ก่อนนะว่า ฉันคิดว่าพวกเราคบกันอยู่” ดวงตาดุดันประชิดเข้าใกล้ขึ้นอีก “และฉันก็ใกล้จะเป็นบ้าเพราะนายอยู่แล้ว…”
อิกนิสอยากจะพูดอะไรหลายอย่าง หากเป็นในสถานการณ์ปกติเขาคงสามารถรักษาความใจเย็นเอาไว้และควานหาคำตอบที่ดีได้มากกว่านี้ อะไรก็ตามที่ไม่ใช่ “ข..ขอโทษ”
“ขอโทษทำไม?” เสียงถามกดลงต่ำ
“ไม่รู้…”
“นายไม่รู้หรือตั้งใจจะไม่รับรู้กันแน่?”
ราชเลขาฟังคำนั้นแล้วได้แต่นิ่งไป ยิ่งถูกกดดันเขาก็ยิ่งคิดอะไรไม่ออก ยิ่งอยากจะหนีหายไปเสียตอนนี้
“กลาดิโอ้ถอย” ตั้งใจจะยกมือขึ้นขวางแต่ก็ถูกมือใหญ่อีกข้างตรึงมันเอาไว้แล้ว
…ไม่เคยรู้สึกถึงแรงกายที่มากกว่าตนชัดเจนขนาดนี้มาก่อน
เจ้าของชื่อไม่ได้ถอยตามที่ถูกบอกแต่เบียดกายแนบขึ้นอีก คราวนี้แนบชิดเสียจนเขาอึดอัด
“ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น”
“…ฉันอึดอัด”
“ยังไงล่ะ ถ้าฉันถอยนายจะทำอะไร? จะหนีไปอีกแล้วก็กลับไปทำตัวปกติ..”
“จะทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งๆ ที่ก็รู้อยู่แก่ใจดีน่ะเหรอ?”
“…กลา-”
“เลิกปั่นหัวฉันได้แล้ว”
อิกนิสเงยหน้าขึ้นมองคนที่เอาแต่ถามแต่กลับไม่เปิดโอกาสให้เขาอธิบายอะไรทั้งนั้นเต็มๆ ตาหวังจะทักท้วง หากใบหน้านั้นก็ใกล้เข้ามาจนเขาพูดอะไรไม่ออกเสียแล้ว
มือที่จับริมฝีปากของเขาอยู่ละออกไปเมื่อไหร่ไม่รู้ ทว่ามันก็ถูกแทนที่ด้วยริมฝีปากอุ่นๆ โดยที่เขายังไม่ได้ทัดทานอะไรเลยแม้แต่น้อย ยิ่งสัมผัสแนบลึก ดวงตาของเขาก็ยิ่งเบิกกว้างก่อนจะเปลี่ยนเป็นหลับแน่นเมื่อมันเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
มือข้างที่ไม่ได้ถูกกุมไว้ยกขึ้นดันอีกคนออก แต่นอกจากจะกลายเป็นเรื่องเปล่าประโยชน์แล้วลิ้นอุ่นเหลวยังควานกวาดเข้ามาไล่ต้อนเขามากขึ้นอีก
ราชเลขากำลังถูกรุกไล่จนหมดท่า ไม่ควรเลยที่จะรู้สึกแปลกๆ จนแม้แต่ตัวเองก็ไล่ตามไม่ทันแบบนี้ เขาควานหาตะครุบเอาอากาศหายใจ ความรู้สึกกังวลที่โจมตีเข้าอย่างกะทันหันนั้นเริ่มกลับกลายเป็นความหวาดกลัวทีละน้อย
…ความรู้สึกที่เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่ากลาดิโอ้จะเป็นผู้มอบให้เขา…
อิกนิสพยายามอีกครั้งที่จะขืนมือข้างถนัดให้กลายเป็นอิสระและสบโอกาสนั้นเมื่ออีกคนเผลอผ่อนแรง มือของเขาฟาดเข้าที่ใบหน้าหล่อคมนั้นเต็มแรงจนใบหน้าของพวกเขาผละหลุดจากกันในที่สุด
เสียงหอบหายใจของตัวเองอื้ออึงเสียจนปวดหู เขายกหลังมือขึ้นเช็ดร่องรอยที่ถูกกลาดิโอ้ยัดเยียดลงบนริมฝีปาก
“งี่เง่ารึไงนายน่ะ?!”
เขามองคนถูกตวาดนิ่งอึ้งไป ดูจะตกใจไม่น้อยที่ถูกเขาตบเสียเต็มแรง เพราะแบบนั้นครั้งนี้จึงต้องเป็นเขาบ้างที่เป็นฝ่ายเอื้อมออกไป
งี่เง่า..
พึมพำย้ำเสียงเบาในคอ มือของเขารั้งเอาท้ายทอยนั้น ดึงโน้มใบหน้าที่เป็นรอยฝ่ามือพาดชัดเข้าหา แล้วแนบจูบด้วยตัวเองอีกครั้งบนริมฝีปากงุนงง
กลาดิโอ้สับสนไปเพียงเสี้ยวนาทีก่อนจะตัดสินใจจูบตอบริมฝีปากนั้นอย่างต้านทานไม่ได้ ร่างของพวกเขาแนบชิดเสียจนได้ยินเสียงเสียดสีของเนื้อผ้า ราชองครักษ์ตอบรับและเริ่มสัมผัสคนในอุ้งมือกลับอย่างตะกรุมตะกราม
อิกนิสพรูลมหายใจเครือไปกับเสียงครางที่หลุดออกจากลำคอ ปล่อยให้สัมผัสนั้นดำเนินอีกพัก ก่อนจะจับหยุดมือที่ตั้งท่าจะปลดกระดุมเสื้อเขาเอาไว้ “ย…หยุด”
คราวนี้มือนั้นล่าถอยออกไปพร้อมกับใบหน้าที่คลอเคลียกันอยู่ ห่างมากพอที่เขาจะเห็นดวงตาสีน้ำตาลแดงที่เขารู้จักดีได้ชัดขึ้น สีหน้าหงอยเหงานั้นทำเอาเขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนฝึกสัตว์ตัวโต และมันก็กำลังถูกเขาพรากเอาของที่ต้องการไปต่อตา
แค่นั้นก็หายโกรธเรื่องทั้งหมดเป็นปลิดทิ้ง..
“จะยอมคุยดีๆ ได้รึยัง?” เขาเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบพลางโน้มแนบหน้าผากกับคนตัวโตตรงหน้า
ได้ยินเสียงครางอือต่ำๆ กลับมา อิกนิสได้แค่ตอบท่าทางนั้นด้วยเสียงหัวเราะในคอ …ยิ่งเหมือนสัตว์ตัวโตเข้าไปใหญ่…
เขายกมือขึ้นแตะรอยช้ำบนใบหน้าที่ตัวเองทำ ผิวเนื้อนั่นสะดุ้งเล็กน้อยมันคงเริ่มระบมขึ้นมา “โทษนะ..”
คนถูกตบส่ายหน้า รู้สึกว่าตัวเองอาจจะสมควรโดนแล้ว “..ฉันต่างหาก”
เงียบไปอีกครู่ดวงตาของเคลื่อนเขาขึ้นลง แม้จะใจเย็นลงมากแต่ก็ไม่แน่ใจว่าควรจะเริ่มพูดจากตรงไหนก่อนดี คราวนี้กลาดิโอ้ไม่ได้คาดคั้นเขา ดวงตาคู่นั้นมองตอบเฝ้ารอให้เขาพูดอะไรซักอย่าง
“…”
“…”
“ฉัน…”
.
.
ฉันเองก็คิดว่าเราคบกันอยู่…ล่ะมั้ง?”
อิกนิสพูดขึ้น เสียงแผ่วหลังทิ้งช่วงไปเสียหลายนาที กระดากขึ้นมาที่จะต้องสบตอบดวงตาคู่นั้น ริมฝีปากของเขาสั่นเทา ความเงียบที่ตอบกลับมานั้นทำให้รู้ได้ว่ากลาดิโอ้ต้องการให้เขาพูดอะไรมากกว่านี้ อะไรที่ชัดเจนกว่านี้…
เขาลดมือลงบีบกุมมือใหญ่นั้นเบาๆ ด้วยสีหน้าอึกอัก “ต..แต่ฉันไม่รู้..”
“ไม่รู้อะไร?”
“….” ราชเลขาชั่งใจ รู้สึกว่าเรื่องของตัวเองคงน่าหัวเราะไม่น้อยสำหรับคนที่มีประสบการณ์มากมายตรงหน้า “…ไม่รู้”
“ฉันไม่รู้ว่าคนที่คบกันปกติต้องทำยังไง..”
“…..”
“ฉันไม่เคย…” พูดแล้วก็ได้แต่ขบริมฝีปากตัวเองด้วยปลายฟัน “...ไม่เคยคบกับใคร
“….”
“…ไม่เคยชอบใครแบบนี้
ใบหน้าร้อนผ่าว เขารู้สึกได้ชัดเจนเมื่อมันร้อนลามมาจนถึงขอบตา เกาะเกี่ยวปลายนิ้วนั้นเอาไว้แน่นขึ้นอย่างร้องขอ “ช…ช่วย. ช่วยบอกฉันที
ผิดจากที่คาด กลาดิโอ้ไม่ได้หัวเราะแต่นิ่งเงียบไปจนเขาต้องยอมเงยหน้าขึ้นมอง คราวนี้เป็นอีกฝ่ายที่หลบสายตาเขา ใบหน้าหล่อคมนั้นแดงเถือก แดงอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนจากคนตรงหน้า “กลาดิโอ้…”
เจ้าของชื่อใช้มือข้างหนึ่งยกขึ้นปิดริมฝีปาก มืออีกข้างยกขึ้นเหมือนจะห้ามไม่ให้เขาพูดอะไรต่ออีก
ราชองครักษ์ง่วนกับความคิดในหัวอีกครู่ใหญ่ก่อนสิ่งแรกที่หลุดออกมาจากปากจะ เป็นเสียงถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก
อิกนิสไม่เข้าใจได้แต่ปล่อยให้อีกคนฝังใบหน้าลงกับไหล่ของเขา
“กำลังคิดอยู่เลยว่าถ้านายบอกว่าไม่ได้คบกันอยู่จะทำไง…”
“……”
“ถ้าฉันบอกนายให้เร็วกว่านี้ก็คงจะดี..” กลาดิโอ้ลดมือลงเกี่ยวตอบปลายนิ้วนั้น “ฉันก็ไม่เคยทำอะไรไม่ถูกขนาดนี้เหมือนกัน…”
คนฟังรู้ว่าตัวเองไม่ใช่คนแรก แต่ก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่อีกคนพูดไม่ใช่เรื่องโกหก เพราะแบบนั้นจึงช่วยไม่ได้ที่จะรู้สึกเต็มตื้นขึ้นมาในอก มือข้างที่ว่างยกขึ้นสัมผัสเส้นผมสีเข้มอย่างเงอะเงิ่น แนบริมฝีปากเข้าที่ข้างขมับของศีรษะบนไหล่แผ่วเบา
กลาดิโอ้เบี่ยงใบหน้าขึ้นเมื่อริมฝีปากอุ่นๆ กดลงมา ตอบรับมันด้วยริมฝีปากของตัวเอง ครั้งแรกด้วยสัมผัสที่เหมือนจะขออนุญาต ครั้งที่สองด้วยสัมผัสแผ่วเนิบอย่างแสนโหยหา
อิกนิสตอบรับจูบนั้น พยายามคล้อยตามและปล่อยให้อีกคนกอบเกี่ยวเอาตามใจ จนเมื่อริมฝีปากถูกปล่อยให้เป็นอิสระก็เหลือเพียงเสียงหอบหายใจที่คั่นกลางระหว่างใบหน้าที่คลอเคลียกัน
“กลาดิโอ้ฉัน…”
ปลายเสียงแผ่วลงแต่เขาทั้งคู่ได้ยินมันชัดเจนโดยไม่ต้องเอ่ยอะไรซ้ำอีก
…คำตอบที่ชัดเจนที่สุด…

รวมเล่มฟิค Q&A รวมถึงเล่มอื่นๆสามารถสั่งซื้อได้ตามรายละเอียดด้านล่างค่ะ

LINK

Leave a comment