Final FantasyXV Fan Fiction

Pairing : Gladiolus/Ignis
Rate : –
Note : เนื้อเรื่องตอนต่อจาก Used to จะรวมเล่มวางขาย 28/5 งาน Comic Square บูธ A17-18เนื้อหาตอนจบจะโพสท์หลังจากพ้นวันงานไปแล้วค่ะ

 

อยากรู้นักใครกันที่เป็นคนพูว่า ‘ไม่มีอะไรที่มีครั้งแรกแล้วจะไม่มีครั้งที่สองตามมาหรอก’ เนี่ย!?

กลาดิโอลัสอยากจะทึ้งหัวตัวเอง รู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่านเหลือเกินในช่วงหลายวันที่ผ่านมานี่ ส่วนสาเหตุจะมาจากที่ไหนได้หากไม่ใช่คนที่นั่งกินอาหารหน้าตาเฉยอยู่ฝั่งตรงข้ามเขาในตอนนี้

…พวกเขามีอะไรกันแล้ว… ไม่ว่าจะเพราะดื่มเบียร์เข้าไปเสียเยอะหรือความอยากรู้อยากลองที่มีขึ้นมาเสียเฉยๆ ในตอนนั้นก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งที่เขารู้และอิกนิสเองก็คงจะรู้ดีนั้นคือ สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาเป็นสิ่งที่เกิดจากการตัดสินใจ ไม่ใช่เป็นเพราะความเมาอย่างแน่นอน

เขาเคยคิดว่าอะไรๆ คงจะดีหากพวกเขาสามารถทำตัวได้ตามปกติหลังจากเหตุการณ์นั้น หรือจะเรียกว่า ‘เคย’ ดีใจที่เป็นเช่นนั้น…

จากวันนั้นเรื่องก็ผ่านมานานเป็นชาติแล้วสำหรับกลาดิโอ้ นานเป็นชาติที่อิกนิสทำตัวปกติเสียจนเป็นเขาเองที่กระอักกระอ่วนขึ้นมา

เช้าวันถัดจากนั้นเขาขับรถไปส่งอิกนิสที่วังตามที่ถูกร้องขอ ในตอนนั้นเขายังคงสัมผัสบรรยากาศผิดแปลกจางๆ ที่เกิดขึ้นได้ระหว่างการเดินทาง ทว่าเมื่อพบกันอีกครั้งอีกฝ่ายก็กลับมาทำตัวตามปกติได้เต็มร้อยเสียแล้ว จึงเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่เขาต้องเผลอตามน้ำไปทั้งๆ แบบนั้น

จากความเห็นของกลาดิโอ้แล้วเขารู้สึกว่าอยากจะทำอะไรให้มันชัดเจนมากขึ้นกว่าความปกติที่แฝงไปด้วยความรู้สึกครึ่งๆ กลางๆ เช่นนี้ เขาไม่เคยคบหรือมีความสัมพันธ์กับผู้ชายด้วยกันมาก่อน จริงอยู่ที่ว่าหากอิกนิสเป็นผู้หญิงอะไรมันคงง่ายขึ้นกว่านี้ แต่กลาดิโอ้ไม่ได้คิดอะไรแบบนั้น เขารู้สึกว่าอิกนิสที่เป็นแบบนี้ดีที่สุดแล้วสำหรับเขา

หากเป็นการมีอะไรกันแล้วจบไปเหมือนที่เคยทำมาโดยตลอด เขาก็คงไม่มานั่งคิดมากหรือสนใจอะไรแบบนี้ แต่เพราะอีกฝ่ายเป็นอิกนิสที่เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนที่จะมีสัมพันธ์ข้ามคืนกับใครก็ได้เพียงเพราะความอยากหรือความเมา เขาจึงได้แต่ตั้งคำถามมากมายกับตัวเองในหัว คำถามที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่แน่ใจนักว่าควรจะถามมันออกไปดีหรือเปล่า..

กลาดิโอ้เลื่อนสายตาขึ้นเท้าคางจ้องมองคนตรงหน้าจัดการอาหารของเจ้าตัวอย่างไม่ปิดบัง พลางใช้ส้อมเขี่ยเศษกระดูกที่ถูกเลาะเนื้อออกเสียจนสะอาดในจาน

‘…ตอนคบกับคนก่อนๆ หมอนี่ก็ทำตัวแบบนี้รึเปล่านะ?…’

‘แต่จะว่าไปก็ไม่เคยเห็น ..หรือจะไม่เคยมี?’

‘อายุเท่านี้แล้ว หน้าตาก็ออกจะดีจะบอกว่าไม่เคยยุ่งกับใคร หรือไม่มีใครมาวุ่นวายด้วยเลยก็จะไม่แปลกไปหน่อยรึไง?’

‘แต่ก็เจอกันทุกวันนี่..ถ้ามีไม่ฉันก็น็อคก็ต้องรู้แน่อยู่แล้วสิ’

‘…’

‘…หรือว่านี่ ครั้งแรกเหรอ?’

 

“..โอ้ …กลาดิโอ้.. เฮ้” มือไวๆ โบกอยู่ที่ตาในระยะประชิดพร้อมกับเสียงเรียก เขาผละใบหน้าออกด้วยแรงสะดุ้ง

“..อ โอ้ส โทษที”

“จ้องอยู่ได้ มีอะไรรึไง?” อิกนิสละมือลงแล้วทิ้งตัวนั่งลงที่เดิม จะบอกว่าถูกจ้องแต่จากท่าทางแล้วเหมือนเจ้าของสายตาจะเหม่อลอยอยู่เสียมากกว่า

กลาดิโอ้เรียกสติกลับ “เปล่า แค่คิดว่าแป๊บๆ ก็จะถึงเวลาไปรับเจ้าน็อคแล้วน่ะ” ทำเป็นเฉไฉไปยังนาฬิกาเรือนโตบนกำแพงด้านหลังอีกฝ่าย อิกนิสเบือนหน้าตามไปมองแล้วยกนาฬิกาที่ข้อมือขึ้นเช็คอีกรอบ

“นั่นสิ ออกไปตอนนี้ก็คงจะพอดีโรงเรียนเลิกสินะ” ราชเลขาพยักหน้ารวบอุปกรณ์การกินเก็บเรียบร้อยทั้งๆ ที่เป็นแค่ข้าวของใช้แล้วทิ้งในร้านฟาสต์ฟู้ด ก่อนที่พวกเขาจะพากันไปรับเจ้าชายตามตารางในวันนี้

เป็นอย่างที่คิด น็อคทำหน้าเหม็นเบื่อทันทีที่ก้าวออกจากโรงเรียนมาพบกับรถคันหรูที่จอดแช่อยู่ ซ้ำพวกเขายังอยู่กันพร้อมหน้าเสียอีก เป็นสีหน้าที่เข้าใจง่ายเสียจนเผลอหลุดเสียงหัวเราะในคอ

“ทำหน้าไม่พอใจมาแต่ไกลเชียว”

คนนั่งข้างๆ ยกปลายนิ้วขึ้นดันแว่น “เพิ่งเลิกเรียนก็เหมือนถูกจับเรียนพิเศษต่อเลยแบบนี้ก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ”

เสียงพูดเรียบเฉยเหมือนเคยนั้นแผ่วอ่อนที่ปลายเสียง กลาดิโอ้เหลือบหางตาขึ้นมองทันเห็นรอยยิ้มจางๆ เข้าพอดี

…ถ้าหมอนี่เข้าใจง่ายได้แค่ครึ่งนึงของน็อค เรื่องคงง่ายกว่านี้จม…

เขาไม่ได้คิดและไม่ได้ถามอะไรต่อ หลุดออกจากภวังค์เมื่อเสียงถอนหายใจหน่ายดังขึ้นจากเบาะหลังตามด้วยเสียงเหวี่ยงประตูปิด

 

“กินเสร็จก็ไปอาบน้ำได้แล้วน็อค” อิกนิสพูดขัดจังหวะคนที่ตั้งท่าจะทิ้งตัวลงกับโซฟาอย่างเหนื่อยล้า แต่ก็เห็นได้ชัดว่าขัดความตั้งใจนั่นไม่ได้เลย

“ขอพักแป๊บเดียวน่า” เจ้าตัวโอด กลาดิโอ้พอจะเข้าใจท่าทางนั้นได้ เพราะเป็นเขาเองที่เหม่อเสียจนเผลอใช้แรงไปมากกว่าปกติตอนฝึกร่างกายวันนี้ ทำให้คุณเจ้าชายต้องทิ้งตัวลงอย่างหมดท่า

“ไม่ต้องเข้มงวดขนาดนั้นก็ได้น่า”

อิกนิสฟังที่เขาพูดแล้วถอนหายใจก่อนจะเปลี่ยนใจหันไปเก็บกวาดจานอาหารบนโต๊ะแทน

เขาเอนตัวแนบร่างเข้ากับโซฟา นึกสงสัยขึ้นมาว่าหากเป็นในช่วงเวลาที่สติสมบูรณ์พร้อมแบบนี้อิกนิสจะยอมลงให้เขาได้อีกเหมือนในตอนนั้นหรือเปล่า

ไวเท่าความคิด เขาโยนคนที่ตัวเองบอกให้พักต่ออีกหน่อยเข้าไปในห้องน้ำแล้วปิดประตูใส่ ไม่ได้ให้ความสนใจเสียงโวยวายที่ตามมา

กลาดิโอ้สาวเท้ายาวๆ ยืนกอดอกพิงเคาน์เตอร์วางของ จ้องมองการขยับไหวของแผ่นหลังของคนที่กำลังล้างจานตาไม่กระพริบ ไม่ได้รู้สึกว่าต้องปิดบังจุดประสงค์ของตนแต่อย่างใด

“ไม่ใช่ว่าจะให้หมอนั่นพักต่ออีกหน่อยรึไง?” อิกนิสเป็นฝ่ายทำลายความเงียบลงก่อน แต่เพราะเจ้าตัวยังคงให้ความสนใจกับสิ่งที่ทำอยู่มากกว่า เขาจึงไม่สามารถบอกได้ว่าราชเลขาเอ่ยเช่นนั้นเพราะต้องการจะถามจริงๆ หรือเพียงแค่อยากเบี่ยงประเด็นอย่างแนบเนียนออกไปอีกครั้งกันแน่

เพราะแบบนั้นกลาดิโอ้จึงตอบมันด้วยความเงียบ

“…”

“…”

เมื่อไม่มีเสียงสนทนาจึงมีแค่เสียงน้ำและผิวเซรามิกที่กระทบกันเป็นระยะ จานใบสุดท้ายถูกวางลงบนที่พัก ตามด้วยเสียงถอนหายใจของคนที่หันมาเผชิญหน้ากับเขาในที่สุด

“มีอะไร?”

“นายไม่รู้จริงๆ หรือทำเป็นไม่รู้กันแน่?”

ริมฝีปากของคนถูกตอบด้วยคำถามอ้าออกเหมือนตั้งใจจะพูดสวน แต่ก็เปลี่ยนใจภายในเสี้ยววินาทีถัดมา

“…กลาดิโอ้”

…อะไร? นายตั้งใจจะพูดอะไรกันแน่…

เจ้าของชื่อตอบกลับด้วยความเงียบอีก เมื่อนั่นไม่ใช่สิ่งที่ต้องการได้ยิน จนถึงตอนนี้แล้วอิกนิสคงต้องยอมรับว่าท่าทางนั้นทำให้เขาอึดอัดพอดู ทว่าอะไรบางอย่างก็ทำให้เขายังคงลังเลอยู่เช่นเดิม

มีเสียงดังขึ้นทำลายความเงียบอีกครั้ง คนที่ยืนอึกอักผละตัวออกจากสถานการณ์ด้วยความโล่งใจ ไปหาน็อคทิสที่เดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพเปียกมะล่อกมะแล่กและผ้าขนหนูผืนเดียว

อิกนิสคว้าผ้าขนหนูผืนเล็กวางมันลงบนศีรษะเปียกซ่ก “เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอกน็อค”

น็อคทิสยืนให้อีกคนเช็ดหัวให้อย่างง่วงงุน ไม่ยินดียินร้ายจะตอบอะไรทั้งนั้น ถ้าเป็นไปได้ก็อยากทิ้งตัวนอนกับพื้นมันซะตรงนี้

“เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนแล้วค่อยนอนนะ”

กลาดิโอ้ยืนมองคนที่หนีจากเขาไปแล้วทำให้สถานการณ์กลับมาเป็นปกติลงได้ง่ายๆ อย่างหัวเสีย รู้สึกเหมือนถูกทำให้ตกอยู่ในสภาพหมาที่ได้แต่นั่งจ้องอาหารมานานเกินพอ

ไม่กี่ก้าวเขาเข้าประชิดผู้ดูแลรัชทายาทจากทางด้านหลัง ล้วงเอากุญแจรถจากกระเป๋ากางเกงอีกคนมาในช่วงที่ยังตั้งตัวไม่ติด

อิกนิสละมือจากน็อคหันมามองเขาเต็มตาอีกครั้ง “เล่นอะไรของนาย!?”

“กลับกับฉัน เดี๋ยวนี้”

“เป็นอะไรขึ้นมาอีกล่ะ?”

คนถูกถามรู้ดีว่าถ้ายอมตอบออกไปซะตอนนี้ อีกคนก็จะไหลหลุดมือเขาไปต่อหน้าต่อตาอีก ฉะนั้นแทนที่จะตอบคำถามนั้นด้วยคำพูด เขาจึงคว้าเอาข้อมือของอีกคนและดึงลากออกมา

“กลาดิโอ้!”

อิกนิสออกแรงขืนข้อมือแต่ก็ไม่เป็นผลเอาเสียเลยเมื่อโดนกุมเอาไว้จนเจ็บ

กลาดิโอ้หันไปหาน็อคทิสที่จนขนาดนี้แล้วก็ยังคงยืนง่วงได้อยู่ แล้วดันหน้าผากของคุณเจ้าชายให้เซไปทางห้องนอน “ไว้เจอกันอาทิตย์หน้า” ว่าสั้นๆ ตอบกลับคนที่เดินเซๆ ยกมือโบกหย็อยๆ ให้เขา แล้วลากดึงราชเลขาให้ถลาตามเขาออกไป

 

“เป็นบ้าอะไรของนายกันแน่!?” อิกนิสหลุดออกจากการเกาะกุมในที่สุด หลังโดนลากขึ้นรถยาวมาจนถึงห้องนอนอีกคน

“ไม่มีอะไรจะพูดกับฉันรึไง?” เจ้าของห้องถามเสียงนิ่ง

“หา? ไม่ใช่นายรึไ-..” เสียงตวาดเงียบลงเมื่อดวงตาสีอมแดงนั้นจ้องนิ่งมาที่เขาและถามย้ำสิ่งเดิมซ้ำอีก

“อิกนิส..”

“อึก…” ราชเลขาก้มหน้าหลบสายตานั่นเมื่อหลังปะทะเข้ากับกำแพงเย็นเฉียบ “ถอยไปนะ”

“แล้วก็ปล่อยให้นายหนีไปอีกน่ะเหรอ?”

อิกนิสสะดุ้งมองตอบคนพูดด้วยสีหน้าเหมือนเด็กที่ถูกจับได้ว่ากระทำความผิด

“ถ้านายไม่รู้จะพูดอะไร ฉันจะเป็นฝ่ายถามเองก็ได้..”

“กลาดิโอ้…”

เขาเคลื่อนใบหน้าเข้าใกล้คนเรียก เกลี่ยปลายนิ้วลากสัมผัสผิวแก้มนั้นเรื่อยลงมาจนถึงริมฝีปากแล้วขยี้มันเบาๆ “นายเองก็รู้สึกใช่มั้ยล่ะ?”

“….”

“บอกไว้ก่อนนะว่า ฉันคิดว่าพวกเราคบกันอยู่” ดวงตาใกล้เข้าหากันขึ้นอีก “และฉันก็ใกล้จะเป็นบ้าเพราะนายอยู่แล้ว…”

คนถูกไล่ต้อนได้แต่หรุบเปลือกตาลงต่ำและพึมพำเสียงเบาในคอ “ข..ขอโทษ”  

“ขอโทษทำไม?” เสียงถามกดลงต่ำ

“ไม่รู้…”

“นายไม่รู้หรือตั้งใจจะไม่รับรู้กันแน่?”

“กลาดิโอ้ถอย”

เจ้าของชื่อไม่ถอยและเบียดกายแนบขึ้นอีกคำถามที่ติดค้างอยู่ในหัวผุดขึ้นมากมายกระทั่งเขาเองก็จับต้นชนปลายแทบไม่ถูก เขาไม่เคยรู้ว่าท่าทางไม่เข้าใจของอิกนิสนั้นเป็นเพราะเจ้าตัวไม่ประสีประสาหรือตั้งใจจะทำเป็นไม่เข้าใจกันแน่ หากเป็นอย่างหลังแล้วเขาเผลอไปเค้นถามเข้าทุกอย่างก็จะพังลงเสียเปล่าๆ

แต่ตอนนี้มันกลับกันแล้ว กลาดิโอ้มาจนถึงจุดที่เขาไม่สามารถย้อนกลับไปได้อีก หากเขาไม่สามารถคุยกับอิกนิสให้รู้เรื่องได้ในวันนี้ เขาก็อาจไม่มีโอกาสอีกเป็นครั้งที่สอง

ปลายนิ้วของเขายังคงเกลี่ยไล้บนริมฝีปากนิ่ม มืออีกข้างแนบทาบมือของคนตรงหน้ากดตรึงไว้ด้วยเรี่ยวแรงมากพอที่จะยืนยันความตั้งใจของตน

“ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น”

“…ฉันอึดอัด”

“ยังไงล่ะ ถ้าฉันถอยนายจะทำอะไร? จะหนีไปอีกแล้วก็กลับไปทำตัวปกติ..”

 

“จะทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งๆ ที่ก็รู้อยู่แก่ใจดีน่ะเหรอ?”

“…กลา-”

“เลิกปั่นหัวฉันได้แล้ว”

เป็นครั้งแรกตั้งแต่ก้าวเข้ามาในห้องนี้ที่อิกนิสยอมสบตากับเจ้าของห้องเข้าตรงๆ ดวงตาดุดันนั้นอยู่ใกล้กว่าที่เขาคิดไว้ในตอนแรกเสียอีก หากตาของเขาก็ต้องเบิกขึ้นกว้างเมื่อมันยังคงเคลื่อนเข้ามาไม่หยุด แนบใกล้เสียจนริมฝีปากของพวกเขาแตะต้องกัน

กลาดิโอ้จูบริมฝีปากนั้นด้วยสัมผัสจาบจ้วงเอาแต่ใจ สัมผัสที่เขารอมานานและไม่อาจทนต่อไปได้อีก มือที่เคยใช้สัมผัสใบหน้าของคนตรงหน้า เลื่อนลงจับเอาปลายคางไม่ให้ขืนหนีเขาไปได้

ปลายลิ้นเหลวดุนดันเข้าไปในโพรงปาก เมื่ออีกคนพยายามตะครุบเอาอากาศหายใจ รุกสำรวจเหมือนต้องการจะประกาศความเป็นเจ้าของเต็มที

อิกนิสกำลังถูกไล่ต้อนเสียจนตั้งตัวไม่ติด ทั้งจากความกดดัน ท่าที รวมไปถึงสัมผัสที่กำลังยัดเยียดเข้ามาอย่างกะทันหันนี้ก็ด้วย ราชเลขาไม่อาจประมวลหาทางออกอะไรได้มากหากยังถูกรุกล้ำอยู่แบบนี้

กลาดิโอ้ไม่ได้ผละถอยแต่ในจังหวะที่เขาจะเปลี่ยนมุมใบหน้า แรงที่ตรึงมือนั้นไว้ก็ลดลง อิกนิสสบโอกาสนั้นขืนข้อมือออกจากมือของเขา อาจเพราะอยู่ในระยะประชิด การง้างหมัดจึงทำได้ยากกว่าที่คิด ฝ่ามือของราชเลขาจึงฟาดเข้าที่ใบหน้าของเขาดังฉาดใหญ่…

ทุกอย่างนิ่งงันไปชั่วครู่ มีเพียงเสียงหอบหายใจหน่วงจากริมฝีปากบวมแดง

 

“งี่เง่ารึไงนายน่ะ?!”

.

.

.

…นี่น่ะเหรอ ‘คำตอบของนาย’

 

 

 

 

Leave a comment