Final FantasyXV Fan Fiction
อยากรู้นักใครกันที่เป็นคนพูว่า ‘ไม่มีอะไรที่มีครั้งแรกแล้วจะไม่มีครั้งที่สองตามมาหรอก’ เนี่ย!?
กลาดิโอลัสอยากจะทึ้งหัวตัวเอง รู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่านเหลือเกินในช่วงหลายวันที่ผ่านมานี่ ส่วนสาเหตุจะมาจากที่ไหนได้หากไม่ใช่คนที่นั่งกินอาหารหน้าตาเฉยอยู่ฝั่งตรงข้ามเขาในตอนนี้
…พวกเขามีอะไรกันแล้ว… ไม่ว่าจะเพราะดื่มเบียร์เข้าไปเสียเยอะหรือความอยากรู้อยากลองที่มีขึ้นมาเสียเฉยๆ ในตอนนั้นก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งที่เขารู้และอิกนิสเองก็คงจะรู้ดีนั้นคือ สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาเป็นสิ่งที่เกิดจากการตัดสินใจ ไม่ใช่เป็นเพราะความเมาอย่างแน่นอน
เขาเคยคิดว่าอะไรๆ คงจะดีหากพวกเขาสามารถทำตัวได้ตามปกติหลังจากเหตุการณ์นั้น หรือจะเรียกว่า ‘เคย’ ดีใจที่เป็นเช่นนั้น…
จากวันนั้นเรื่องก็ผ่านมานานเป็นชาติแล้วสำหรับกลาดิโอ้ นานเป็นชาติที่อิกนิสทำตัวปกติเสียจนเป็นเขาเองที่กระอักกระอ่วนขึ้นมา
เช้าวันถัดจากนั้นเขาขับรถไปส่งอิกนิสที่วังตามที่ถูกร้องขอ ในตอนนั้นเขายังคงสัมผัสบรรยากาศผิดแปลกจางๆ ที่เกิดขึ้นได้ระหว่างการเดินทาง ทว่าเมื่อพบกันอีกครั้งอีกฝ่ายก็กลับมาทำตัวตามปกติได้เต็มร้อยเสียแล้ว จึงเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่เขาต้องเผลอตามน้ำไปทั้งๆ แบบนั้น
จากความเห็นของกลาดิโอ้แล้วเขารู้สึกว่าอยากจะทำอะไรให้มันชัดเจนมากขึ้นกว่าความปกติที่แฝงไปด้วยความรู้สึกครึ่งๆ กลางๆ เช่นนี้ เขาไม่เคยคบหรือมีความสัมพันธ์กับผู้ชายด้วยกันมาก่อน จริงอยู่ที่ว่าหากอิกนิสเป็นผู้หญิงอะไรมันคงง่ายขึ้นกว่านี้ แต่กลาดิโอ้ไม่ได้คิดอะไรแบบนั้น เขารู้สึกว่าอิกนิสที่เป็นแบบนี้ดีที่สุดแล้วสำหรับเขา
หากเป็นการมีอะไรกันแล้วจบไปเหมือนที่เคยทำมาโดยตลอด เขาก็คงไม่มานั่งคิดมากหรือสนใจอะไรแบบนี้ แต่เพราะอีกฝ่ายเป็นอิกนิสที่เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนที่จะมีสัมพันธ์ข้ามคืนกับใครก็ได้เพียงเพราะความอยากหรือความเมา เขาจึงได้แต่ตั้งคำถามมากมายกับตัวเองในหัว คำถามที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่แน่ใจนักว่าควรจะถามมันออกไปดีหรือเปล่า..
กลาดิโอ้เลื่อนสายตาขึ้นเท้าคางจ้องมองคนตรงหน้าจัดการอาหารของเจ้าตัวอย่างไม่ปิดบัง พลางใช้ส้อมเขี่ยเศษกระดูกที่ถูกเลาะเนื้อออกเสียจนสะอาดในจาน
‘…ตอนคบกับคนก่อนๆ หมอนี่ก็ทำตัวแบบนี้รึเปล่านะ?…’
‘แต่จะว่าไปก็ไม่เคยเห็น ..หรือจะไม่เคยมี?’
‘อายุเท่านี้แล้ว หน้าตาก็ออกจะดีจะบอกว่าไม่เคยยุ่งกับใคร หรือไม่มีใครมาวุ่นวายด้วยเลยก็จะไม่แปลกไปหน่อยรึไง?’
‘แต่ก็เจอกันทุกวันนี่..ถ้ามีไม่ฉันก็น็อคก็ต้องรู้แน่อยู่แล้วสิ’
‘…’
‘…หรือว่านี่ ครั้งแรกเหรอ?’
“..โอ้ …กลาดิโอ้.. เฮ้” มือไวๆ โบกอยู่ที่ตาในระยะประชิดพร้อมกับเสียงเรียก เขาผละใบหน้าออกด้วยแรงสะดุ้ง
“..อ โอ้ส โทษที”
“จ้องอยู่ได้ มีอะไรรึไง?” อิกนิสละมือลงแล้วทิ้งตัวนั่งลงที่เดิม จะบอกว่าถูกจ้องแต่จากท่าทางแล้วเหมือนเจ้าของสายตาจะเหม่อลอยอยู่เสียมากกว่า
กลาดิโอ้เรียกสติกลับ “เปล่า แค่คิดว่าแป๊บๆ ก็จะถึงเวลาไปรับเจ้าน็อคแล้วน่ะ” ทำเป็นเฉไฉไปยังนาฬิกาเรือนโตบนกำแพงด้านหลังอีกฝ่าย อิกนิสเบือนหน้าตามไปมองแล้วยกนาฬิกาที่ข้อมือขึ้นเช็คอีกรอบ
“นั่นสิ ออกไปตอนนี้ก็คงจะพอดีโรงเรียนเลิกสินะ” ราชเลขาพยักหน้ารวบอุปกรณ์การกินเก็บเรียบร้อยทั้งๆ ที่เป็นแค่ข้าวของใช้แล้วทิ้งในร้านฟาสต์ฟู้ด ก่อนที่พวกเขาจะพากันไปรับเจ้าชายตามตารางในวันนี้
เป็นอย่างที่คิด น็อคทำหน้าเหม็นเบื่อทันทีที่ก้าวออกจากโรงเรียนมาพบกับรถคันหรูที่จอดแช่อยู่ ซ้ำพวกเขายังอยู่กันพร้อมหน้าเสียอีก เป็นสีหน้าที่เข้าใจง่ายเสียจนเผลอหลุดเสียงหัวเราะในคอ
“ทำหน้าไม่พอใจมาแต่ไกลเชียว”
คนนั่งข้างๆ ยกปลายนิ้วขึ้นดันแว่น “เพิ่งเลิกเรียนก็เหมือนถูกจับเรียนพิเศษต่อเลยแบบนี้ก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ”
เสียงพูดเรียบเฉยเหมือนเคยนั้นแผ่วอ่อนที่ปลายเสียง กลาดิโอ้เหลือบหางตาขึ้นมองทันเห็นรอยยิ้มจางๆ เข้าพอดี
…ถ้าหมอนี่เข้าใจง่ายได้แค่ครึ่งนึงของน็อค เรื่องคงง่ายกว่านี้จม…
เขาไม่ได้คิดและไม่ได้ถามอะไรต่อ หลุดออกจากภวังค์เมื่อเสียงถอนหายใจหน่ายดังขึ้นจากเบาะหลังตามด้วยเสียงเหวี่ยงประตูปิด
“กินเสร็จก็ไปอาบน้ำได้แล้วน็อค” อิกนิสพูดขัดจังหวะคนที่ตั้งท่าจะทิ้งตัวลงกับโซฟาอย่างเหนื่อยล้า แต่ก็เห็นได้ชัดว่าขัดความตั้งใจนั่นไม่ได้เลย
“ขอพักแป๊บเดียวน่า” เจ้าตัวโอด กลาดิโอ้พอจะเข้าใจท่าทางนั้นได้ เพราะเป็นเขาเองที่เหม่อเสียจนเผลอใช้แรงไปมากกว่าปกติตอนฝึกร่างกายวันนี้ ทำให้คุณเจ้าชายต้องทิ้งตัวลงอย่างหมดท่า
“ไม่ต้องเข้มงวดขนาดนั้นก็ได้น่า”
อิกนิสฟังที่เขาพูดแล้วถอนหายใจก่อนจะเปลี่ยนใจหันไปเก็บกวาดจานอาหารบนโต๊ะแทน
เขาเอนตัวแนบร่างเข้ากับโซฟา นึกสงสัยขึ้นมาว่าหากเป็นในช่วงเวลาที่สติสมบูรณ์พร้อมแบบนี้อิกนิสจะยอมลงให้เขาได้อีกเหมือนในตอนนั้นหรือเปล่า
ไวเท่าความคิด เขาโยนคนที่ตัวเองบอกให้พักต่ออีกหน่อยเข้าไปในห้องน้ำแล้วปิดประตูใส่ ไม่ได้ให้ความสนใจเสียงโวยวายที่ตามมา
กลาดิโอ้สาวเท้ายาวๆ ยืนกอดอกพิงเคาน์เตอร์วางของ จ้องมองการขยับไหวของแผ่นหลังของคนที่กำลังล้างจานตาไม่กระพริบ ไม่ได้รู้สึกว่าต้องปิดบังจุดประสงค์ของตนแต่อย่างใด
“ไม่ใช่ว่าจะให้หมอนั่นพักต่ออีกหน่อยรึไง?” อิกนิสเป็นฝ่ายทำลายความเงียบลงก่อน แต่เพราะเจ้าตัวยังคงให้ความสนใจกับสิ่งที่ทำอยู่มากกว่า เขาจึงไม่สามารถบอกได้ว่าราชเลขาเอ่ยเช่นนั้นเพราะต้องการจะถามจริงๆ หรือเพียงแค่อยากเบี่ยงประเด็นอย่างแนบเนียนออกไปอีกครั้งกันแน่
เพราะแบบนั้นกลาดิโอ้จึงตอบมันด้วยความเงียบ
“…”
“…”
เมื่อไม่มีเสียงสนทนาจึงมีแค่เสียงน้ำและผิวเซรามิกที่กระทบกันเป็นระยะ จานใบสุดท้ายถูกวางลงบนที่พัก ตามด้วยเสียงถอนหายใจของคนที่หันมาเผชิญหน้ากับเขาในที่สุด
“มีอะไร?”
“นายไม่รู้จริงๆ หรือทำเป็นไม่รู้กันแน่?”
ริมฝีปากของคนถูกตอบด้วยคำถามอ้าออกเหมือนตั้งใจจะพูดสวน แต่ก็เปลี่ยนใจภายในเสี้ยววินาทีถัดมา
“…กลาดิโอ้”
…อะไร? นายตั้งใจจะพูดอะไรกันแน่…
เจ้าของชื่อตอบกลับด้วยความเงียบอีก เมื่อนั่นไม่ใช่สิ่งที่ต้องการได้ยิน จนถึงตอนนี้แล้วอิกนิสคงต้องยอมรับว่าท่าทางนั้นทำให้เขาอึดอัดพอดู ทว่าอะไรบางอย่างก็ทำให้เขายังคงลังเลอยู่เช่นเดิม
มีเสียงดังขึ้นทำลายความเงียบอีกครั้ง คนที่ยืนอึกอักผละตัวออกจากสถานการณ์ด้วยความโล่งใจ ไปหาน็อคทิสที่เดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพเปียกมะล่อกมะแล่กและผ้าขนหนูผืนเดียว
อิกนิสคว้าผ้าขนหนูผืนเล็กวางมันลงบนศีรษะเปียกซ่ก “เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอกน็อค”
น็อคทิสยืนให้อีกคนเช็ดหัวให้อย่างง่วงงุน ไม่ยินดียินร้ายจะตอบอะไรทั้งนั้น ถ้าเป็นไปได้ก็อยากทิ้งตัวนอนกับพื้นมันซะตรงนี้
“เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนแล้วค่อยนอนนะ”
กลาดิโอ้ยืนมองคนที่หนีจากเขาไปแล้วทำให้สถานการณ์กลับมาเป็นปกติลงได้ง่ายๆ อย่างหัวเสีย รู้สึกเหมือนถูกทำให้ตกอยู่ในสภาพหมาที่ได้แต่นั่งจ้องอาหารมานานเกินพอ
ไม่กี่ก้าวเขาเข้าประชิดผู้ดูแลรัชทายาทจากทางด้านหลัง ล้วงเอากุญแจรถจากกระเป๋ากางเกงอีกคนมาในช่วงที่ยังตั้งตัวไม่ติด
อิกนิสละมือจากน็อคหันมามองเขาเต็มตาอีกครั้ง “เล่นอะไรของนาย!?”
“กลับกับฉัน เดี๋ยวนี้”
“เป็นอะไรขึ้นมาอีกล่ะ?”
คนถูกถามรู้ดีว่าถ้ายอมตอบออกไปซะตอนนี้ อีกคนก็จะไหลหลุดมือเขาไปต่อหน้าต่อตาอีก ฉะนั้นแทนที่จะตอบคำถามนั้นด้วยคำพูด เขาจึงคว้าเอาข้อมือของอีกคนและดึงลากออกมา
“กลาดิโอ้!”
อิกนิสออกแรงขืนข้อมือแต่ก็ไม่เป็นผลเอาเสียเลยเมื่อโดนกุมเอาไว้จนเจ็บ
กลาดิโอ้หันไปหาน็อคทิสที่จนขนาดนี้แล้วก็ยังคงยืนง่วงได้อยู่ แล้วดันหน้าผากของคุณเจ้าชายให้เซไปทางห้องนอน “ไว้เจอกันอาทิตย์หน้า” ว่าสั้นๆ ตอบกลับคนที่เดินเซๆ ยกมือโบกหย็อยๆ ให้เขา แล้วลากดึงราชเลขาให้ถลาตามเขาออกไป
“เป็นบ้าอะไรของนายกันแน่!?” อิกนิสหลุดออกจากการเกาะกุมในที่สุด หลังโดนลากขึ้นรถยาวมาจนถึงห้องนอนอีกคน
“ไม่มีอะไรจะพูดกับฉันรึไง?” เจ้าของห้องถามเสียงนิ่ง
“หา? ไม่ใช่นายรึไ-..” เสียงตวาดเงียบลงเมื่อดวงตาสีอมแดงนั้นจ้องนิ่งมาที่เขาและถามย้ำสิ่งเดิมซ้ำอีก
“อิกนิส..”
“อึก…” ราชเลขาก้มหน้าหลบสายตานั่นเมื่อหลังปะทะเข้ากับกำแพงเย็นเฉียบ “ถอยไปนะ”
“แล้วก็ปล่อยให้นายหนีไปอีกน่ะเหรอ?”
อิกนิสสะดุ้งมองตอบคนพูดด้วยสีหน้าเหมือนเด็กที่ถูกจับได้ว่ากระทำความผิด
“ถ้านายไม่รู้จะพูดอะไร ฉันจะเป็นฝ่ายถามเองก็ได้..”
“กลาดิโอ้…”
เขาเคลื่อนใบหน้าเข้าใกล้คนเรียก เกลี่ยปลายนิ้วลากสัมผัสผิวแก้มนั้นเรื่อยลงมาจนถึงริมฝีปากแล้วขยี้มันเบาๆ “นายเองก็รู้สึกใช่มั้ยล่ะ?”
“….”
“บอกไว้ก่อนนะว่า ฉันคิดว่าพวกเราคบกันอยู่” ดวงตาใกล้เข้าหากันขึ้นอีก “และฉันก็ใกล้จะเป็นบ้าเพราะนายอยู่แล้ว…”
คนถูกไล่ต้อนได้แต่หรุบเปลือกตาลงต่ำและพึมพำเสียงเบาในคอ “ข..ขอโทษ”
“ขอโทษทำไม?” เสียงถามกดลงต่ำ
“ไม่รู้…”
“นายไม่รู้หรือตั้งใจจะไม่รับรู้กันแน่?”
“กลาดิโอ้ถอย”
เจ้าของชื่อไม่ถอยและเบียดกายแนบขึ้นอีกคำถามที่ติดค้างอยู่ในหัวผุดขึ้นมากมายกระทั่งเขาเองก็จับต้นชนปลายแทบไม่ถูก เขาไม่เคยรู้ว่าท่าทางไม่เข้าใจของอิกนิสนั้นเป็นเพราะเจ้าตัวไม่ประสีประสาหรือตั้งใจจะทำเป็นไม่เข้าใจกันแน่ หากเป็นอย่างหลังแล้วเขาเผลอไปเค้นถามเข้าทุกอย่างก็จะพังลงเสียเปล่าๆ
แต่ตอนนี้มันกลับกันแล้ว กลาดิโอ้มาจนถึงจุดที่เขาไม่สามารถย้อนกลับไปได้อีก หากเขาไม่สามารถคุยกับอิกนิสให้รู้เรื่องได้ในวันนี้ เขาก็อาจไม่มีโอกาสอีกเป็นครั้งที่สอง
ปลายนิ้วของเขายังคงเกลี่ยไล้บนริมฝีปากนิ่ม มืออีกข้างแนบทาบมือของคนตรงหน้ากดตรึงไว้ด้วยเรี่ยวแรงมากพอที่จะยืนยันความตั้งใจของตน
“ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น”
“…ฉันอึดอัด”
“ยังไงล่ะ ถ้าฉันถอยนายจะทำอะไร? จะหนีไปอีกแล้วก็กลับไปทำตัวปกติ..”
“จะทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งๆ ที่ก็รู้อยู่แก่ใจดีน่ะเหรอ?”
“…กลา-”
“เลิกปั่นหัวฉันได้แล้ว”
เป็นครั้งแรกตั้งแต่ก้าวเข้ามาในห้องนี้ที่อิกนิสยอมสบตากับเจ้าของห้องเข้าตรงๆ ดวงตาดุดันนั้นอยู่ใกล้กว่าที่เขาคิดไว้ในตอนแรกเสียอีก หากตาของเขาก็ต้องเบิกขึ้นกว้างเมื่อมันยังคงเคลื่อนเข้ามาไม่หยุด แนบใกล้เสียจนริมฝีปากของพวกเขาแตะต้องกัน
กลาดิโอ้จูบริมฝีปากนั้นด้วยสัมผัสจาบจ้วงเอาแต่ใจ สัมผัสที่เขารอมานานและไม่อาจทนต่อไปได้อีก มือที่เคยใช้สัมผัสใบหน้าของคนตรงหน้า เลื่อนลงจับเอาปลายคางไม่ให้ขืนหนีเขาไปได้
ปลายลิ้นเหลวดุนดันเข้าไปในโพรงปาก เมื่ออีกคนพยายามตะครุบเอาอากาศหายใจ รุกสำรวจเหมือนต้องการจะประกาศความเป็นเจ้าของเต็มที
อิกนิสกำลังถูกไล่ต้อนเสียจนตั้งตัวไม่ติด ทั้งจากความกดดัน ท่าที รวมไปถึงสัมผัสที่กำลังยัดเยียดเข้ามาอย่างกะทันหันนี้ก็ด้วย ราชเลขาไม่อาจประมวลหาทางออกอะไรได้มากหากยังถูกรุกล้ำอยู่แบบนี้
กลาดิโอ้ไม่ได้ผละถอยแต่ในจังหวะที่เขาจะเปลี่ยนมุมใบหน้า แรงที่ตรึงมือนั้นไว้ก็ลดลง อิกนิสสบโอกาสนั้นขืนข้อมือออกจากมือของเขา อาจเพราะอยู่ในระยะประชิด การง้างหมัดจึงทำได้ยากกว่าที่คิด ฝ่ามือของราชเลขาจึงฟาดเข้าที่ใบหน้าของเขาดังฉาดใหญ่…
ทุกอย่างนิ่งงันไปชั่วครู่ มีเพียงเสียงหอบหายใจหน่วงจากริมฝีปากบวมแดง
“งี่เง่ารึไงนายน่ะ?!”
.
.
.
…นี่น่ะเหรอ ‘คำตอบของนาย’