Pairing : Ardyn/Ravus
Rate : Angst ,Sad Ending
Note : Episode3
Warning: R-18

Episode 4


“ท่านแม่บอกว่าเมื่อโตขึ้น ทุกอย่างในดินแดนนี้จะเป็นของเรา” เด็กน้อยผายมือกว้างใหญ่ เขย่งขาขึ้นสุดตัว ก่อนจะพูดต่อด้วยดวงตาเปล่งประกาย “นั่นรวมถึงเธอด้วยรึเปล่าชายผู้มีดวงตาสีทอง?”

เจ้าของดวงตาหลุดยิ้มเอ็นดู ทรุดตัวลงนั่งชันเข่าลดระยะสายตาระหว่างพวกเขาให้เข้าใกล้กันมาขึ้น “หากทรงเติบใหญ่แล้วไม่เสด็จมาล่ะก็ กระหม่อมจะเป็นฝ่ายไปหาท่านเองเลย”

เจ้าชายตัวน้อยหัวเราะสดใสมือซนคว้าจับเอาเส้นผมยุ่งเหยิงกระเซิงสีไวน์แดง แต่ไม่ทันจะได้ทำอะไรก็ได้ยินเสียงเรียกของสาวรับใช้หน้าตาตื่นที่วิ่งมาแต่ไกล “จะแอบออกมาเล่นนอกวังเองแบบนี้ไม่ได้นะเพคะ องค์ชายเรวุส!”

ผู้มาใหม่โค้งปะหลกซ้ำแล้วซ้ำอีกให้ชายแปลกหน้าที่เพียงอมยิ้มตอบ ก่อนจะอุ้มพาเด็กน้อยในมือหายจากไป

…ไม่ใช่ฉันหรอกนะที่เป็นฝ่ายเอื้อมมือไปหาก่อนน่ะ…

…………………………………………………

เสียงดังสวบสาบสะท้อนอยู่ในห้องนอนกว้าง แสงหรุบหรู่ลอดผ่านผ้าม่านหนาหนักพาดลงบนผิวขาวละเอียดกึ่งเปลือย เรวุสบิดกายขึ้นน้อยๆเบี่ยงใบหน้าซุกเข้ากับหมอนเมื่อเสื้อผ้าค่อยๆถูกแหวกออก

ดวงตาสีทองพินิจปฏิกริยานั้นอย่างพึงใจ เห็นได้ชัดถึงความไม่ประสีประสาของคนที่อยู่ในอุ้งมือ พอกระดุมถูกปลดออกจนหมดรอยต่อระหว่างแขนจักรกลกับผิวเนื้อก็เปิดเผยชัด เขากดปลายนิ้วเน้นตรงรอยต่อนั้นไม่ชอบใจเท่าไหร่นัก ก่อนจะโน้มใบหน้าลงฝังรอยฟันบนลาดไหล่ใกล้กับมัน

คนโดนกัดยกมือขึ้นดันที่หน้าท้องของเขาเหมือนต้องการแสดงท่าทีต่อต้าน เส้นผมสีทองซีดจนเกือบขาวนั้นร่วงลงปรกใบหน้าที่ยุ่งเหยิงไม่แพ้กัน ดวงตาสองสีปิดแน่นเมื่ออาร์ดีนลากปลายมือลงมาตามสันโค้งของแนวสอบเอวแล้วรั้งเอากางเกงสีเข้มลง

“ยังไม่ทันทำอะไรเธอก็กลัวขนาดนี้แล้วฉันก็รู้สึกผิดแย่สิ”

“คิดงั้นก็ปล่อย…ฮึก” เสียงขาดห้วงกะทันหันเมื่อมือใหญ่กอบกุมส่วนสำคัญผ่านซับในตัวบาง

“เธอก็ออกจะดูตื่นเต้นดีไม่ใช่เหรอ” เขาเอ่ยเย้าขบงับปลายคางมน กระตุ้นสิ่งที่อยู่ในมือให้มันค่อยๆตื่นพอง

เรวุสคิดจะเถียงแต่กลับทำได้เพียงกลืนเสียงกลับลงไปในคอแล้วพยายามบิดกายเลี่ยงสัมผัสจากมือหยาบใหญ่ เขาไม่ใช่คนไม่รู้เรื่องรู้ราวกับเรื่องแบบนี้ เพียงแค่ไม่ได้ให้ความสนใจกับมันมากนัก ยิ่งกับเพศเดียวกันแล้วเขานึกไม่ออกด้วยซ้ำว่ามันจะเกิดขึ้นได้ยังไง ไม่อยากแต่ก็ต้องยอมรับว่าแม้จะโดยไม่สมยอมแต่คนด้านบนก็ปลุกเร้าเขาได้มากทีเดียว

“จะดีกว่านะถ้าเธอปล่อยตัวตามสบายน่ะ” เจ้าของเรือนผมสีไวน์กดจูบที่ข้างขมับ จัดแจงคลายเสื้อผ้าของตน ถอดถุงมือทิ้ง แล้วถอดกางเกงของคนด้านล่างออก

“ฉ..ฉันไม่..ได้..อยา.ก… ฮะ”

“เธอที่ปากแข็งแบบนี้ก็ดีนะ” ริมฝีปากไล้เลื่อนจากข้างขมับลงมาที่หางตา ก่อนที่จะลอบชิมรสเด็มปร่าของเลือดที่เกิดจากการกัดริมฝีปากจนแน่น

อาร์ดีนละเลียดใช้เวลากับการปลุกอารมณ์คู่นอนมากทีเดียว อย่างน้อยก็มากกว่าที่เรวุสคิด สัมผัสจาบจ้วงจากมือหยาบโลมไล้ไปทั่วร่าง เขาหายใจไม่ออกเมื่อริมฝีปากที่พยายามตะครุบเอาอากาศโดนครอบครองไว้ ร่างกายแสดงปฏิกริยาต่อต้านด้วยการงับปลายลิ้นที่รุกไล่เข้ามา แรงมากพอที่รสเลือดจะซึมซาบไปทั่วโพรงปาก แต่อาจจะไม่มากพอให้คนด้านบนล่าถอย

ปลายลิ้นถูกฉกรัด ขนหลังคอลุกเกรียวขึ้นมาเมื่อลิ้นของอีกคนลากช้าๆบนเพดานปาก ในจังหวะพอดีกับการขยับมือกระตุ้นส่วนกลางกายเบื้องล่าง อดีตองค์ชายได้แต่ปิดตาแน่นส่งเสียงท้วงอื้ออึงในลำคอพยายามกุมหยุดมือนั้นไว้ด้วยมือของตน

สมกับการเป็นนักวางแผนที่ปรึกษารู้ดีว่าควรจะผละห่างเมื่อไหร่ คนสูงวัยกว่ากระตุ้นความต้องการนั้นจนโชกเปียกและปล่อยมือในวินาทีที่เรวุสคิดว่าร่างกายของเขากำลังจะระเบิดแตก

“ฮึก…ฮะ” ริมฝีปากบวมช้ำหอบฮักปรือตามองตามคนล่าถอยอย่างสงสัย กระทั่งเอวของเขาถูกช้อนลอยพร้อมๆกับขาที่ถูกกางออก เมื่อภาพตรงหน้าชัดเต็มตาเขาถึงได้รู้สึกตัวว่าขาของตนกำลังถูกจับให้กระหวัดเกี่ยวโอบแนบกับร่างกึ่งเปลือยของคนด้านบน และสิ่งที่กำลังดุนดันร่องสะโพกของเขาตอนนี้ก็ไม่ใช่อะไรเลยนอกจากความเป็นชายที่ตื่นตัวคับแน่น

ใบหน้าร้อนผ่าวของเหลวจากแกนกายของตนหยดต้องโดนผิว “ไม่..อย..อย่ามอง” เสียงห้ามสั่นเทาเรวุสพยามยามปกปิดความน่าอายด้วยสองมือและชายเสื้อหลุดรุ่ยของอีกคนที่คว้าเอาไว้ได้

“ไม่ช้าไปหน่อยหรือไง?” คนถูกห้ามหัวเราะในคอ น้ำเสียงกึ่งเอ็นดูที่พูดออกมาต่างกับสายตาโหยกระหายโดยสิ้นเชิงนั่นมากทีเดียว อาร์ดีนห้ามให้ตัวเองหยุดมองไม่ได้เลย ยิ่งอีกคนพยายามซ่อนเขาก็ยิ่งอยากแกล้ง เขาผิวปากหวือลากปลายนิ้วผ่านแผ่นอกกระเพื่อมแผ่ว เกี่ยวเขี่ยปลายยอดอกชูชันเล่นก่อนจะลากเลื้อยขึ้นมาตามท้องแขนหลบความต้องการที่ถูกปิดบังเข้าไปเคล้นคลึงกล้ามเนื้อเกร็งแน่นด้านในต้นขา เมื่อถูกกระตุ้นหนักเข้าคนที่เอาแต่ปฏิเสธก็บดสะโพกเข้าหามือของเขาเองโดยไม่ต้องร้องขอ

หลายครั้งที่อดีตองค์ชายเกือบจะไปถึงฝั่งอยู่รอมร่อแต่คนด้านบนก็ไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นได้เสียที ร่างทั้งร่างสะดุ้งขึ้นสุดตัวเมื่อของเหลวเย็นลื่นไหลผ่านร่องหลืบด้านหลัง มือกระตุกดึงชายเสื้อในมืออย่างแรงจนได้ยินเสียงปริขาดของด้าย รู้สึกได้ว่ามือหยาบใหญ่นั่นละจากต้นขาลงไปยังเบื้องหลังพร้อมๆกับใบหน้าที่โน้มลงกระซิบ “ขอสำรวจทั้งหมดของเธอเลยก็แล้วกัน”

ปลายนิ้วล่วงล้ำเข้ามาในกายชะโลมเอาของเหลวเย็นชื้นตามเข้ามาด้วย เรวุสเอื้อมมือไปหยุดการกระทำนั้นเล็บจิกแน่นลงบนท่อนแขน ปัดป่ายไปทั่วทั้งยังพยายามอย่างยิ่งที่จะกระถดกายหนีเผชิญกับความรู้สึกตกเป็นเบี้ยล่างอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ยิ่งหนียิ่งถูกตามกระชั้นยิ่งทำให้เขาทำตัวไม่ถูก ในหูได้ยินเสียงตัวเองปฏิเสธซ้ำๆคลอไปกับเสียงเปียกลื่นในกาย

…ทรมาน…

…สับสน…

…กลัว…

วินาทีแห่งความวุ่นวายเรวุสไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอะไรทำให้เขาหวาดกลัวได้ขนาดนี้ มือกลของเขาเอื้อมออกเพียงเสี้ยววินาทีเดียวเท่านั้นที่ปลายเล็บเหล็กแหลมเกี่ยวเข้ากับลำคอของคนด้านบนตัดผ่านเส้นเลือดแดงราวจงใจ หยดเลือดรินออกหนึ่ง สอง สาม สี่.. ตามด้วยน้ำหนักตัวของที่ปรึกษาที่ทิ้งลงเหมือนหุ่นไร้เชือก

จบ…จบแล้ว

เรวุสหลับตาแน่นหอบหายใจถี่กลั้นใจดันร่างหนาหนักขึ้นให้พ้นกาย ทว่าแทนที่จะหนักอึ้งมันกลับเบาหวือและหยัดตัวขึ้นได้เอง ภาพไม่น่าเชื่อนั้นทำให้ดวงตาสองสีเบิกกว้าง

“โอ๊ะโอ พลาดท่าให้เธอจนได้สิ” อาร์ดีนโคลงศีรษะ ธุลีสีดำเมื่อมลามเข้ามากว่าครึ่งใบหน้า รวมไปถึงเลือดสีแดงฉานที่ระเหยหายเหลือเพียงผิวเรียบเนียนดังเก่า อดีตองค์ชายไม่รู้ว่าตนกำลังอยู่ในเหตุการณ์แบบไหนแต่คนที่คร่อมเขาอยู่ก็ห่างไกลเกินกว่าจะเรียกได้ว่ามนุษย์ หยดเหงื่อซึมผุดบนหน้าเมื่อดวงตาของปีศาจร้ายเคลื่อนเข้ามาจนประชิด “เท่านี้เราก็กุมความลับกันคนละข้อแล้วสิ”

คนพูดไม่รอให้อีกคนได้ทันตระหนักอะไรทั้งนั้น เขาช้อนเอวสอบเพรียวนั่นขึ้นอีกครั้งกระทั้นกายเข้าหา ช่องทางที่ยังไม่ทันคลายตัวดีนั้นทำให้กายของเขาแทรกเข้าไปได้แค่ครึ่ง เสียงครางต่ำเครือในคอเมื่อถูกกล้ามเนื้ออุ่นร้อนโอบรัดเอาไว้แนบแน่น “โทษที เห็นท่าทางตื่นๆของเธอแล้วมันอดใจไม่ไหวน่ะ”

แผ่นหลังคอดแอ่นจากการบุกรุกอย่างกะทันหัน ริมฝีปากอ้าค้างแต่ไม่มีเสียงกรีดร้องใด โลชั่นที่ถูกชะโลมไว้ก่อนหน้าช่วยให้แกนกายร้อนจัดนั่นแทรกเข้ามาได้ง่ายขึ้นทีละน้อย ทว่ามันก็ยังไม่ได้ขยายมากพอที่เรวุสจะไม่รู้สึกเจ็บ คนด้านบนโน้มตัวลงฉวยโอกาสนั้นยัดเยียดจูบลงมาอีกครั้งทำให้ความต้องการประท้วงของเขาเหลือแค่เพียงการจิกมือลงบนแผ่นหลังอีกคน สร้างรอยแผลขึ้นอย่างไร้ประโยชน์

“ฮะ!..ออก..ออกไป…อาร์ดี.น..ออก” เรวุสทั้งดันทั้งผลักแต่ไม่มีอะไรส่งผลแถมยังดูให้ผลตรงข้ามเสียอีก

“มาเรียกชื่อในเวลาแบบนี้ก็ปลุกอารมณ์ฉันแย่สิ หืม?” ไม่พูดเปล่าดุนดันแทรกกายเข้าไปจนลึก เสียงเปียกชื้นหยาบโลนดังขึ้นทุกครั้งที่เขาขยับเคลื่อน

“โรคจิต” ได้ยินเสียงหัวเราะต่ำข้างหูตอบกลับมาอยากสบถด่าแต่เสียงครางแผ่วที่ทำท่าจะลอดออกมาก็ได้แต่ทำให้เขากัดริมฝีปากตัวเองไว้แทน แกนกายยถูกรูดรั้งพร้อมกับการบุกรุกที่เบื้องหลัง เหมือนผู้กระทำรู้ดีว่าจุดไหนของร่างกายจะปลุกอารมณ์เขาได้ดีที่สุด

ภาพตรงหน้าขาวสะอาดเหลือเกินสำหรับคนที่เห็นแต่ความมืดมิดมาโดยตลอดอย่างอาร์ดีน ยิ่งเมื่อความต้องการพาผลักเอาแสงสว่างนั้นไปสู่ปลายขอบเหวดวงตาคู่นั้นก็ปิดลงแน่น ร่างในอุ้งมือเบี่ยงกายท่อนบนซุกกับเตียงจิกดึงผ้าปูสีสะอาดอย่างอดรนทนไม่ไหว ตำหนิเดียวในสายตาเขามีเพียงแขนกลสีจัดนั่นเท่านั้น

ผมสีไวน์แดงชื้นลู่แนบใบหน้า เขาจับเรียวขาข้างหนึ่งขึ้นพาดไหล่เพื่อให้ตนเองขยับได้ถนัดถนี่และลึกเข้าไปมากยิ่งขึ้น เสียงอู้อี้ที่ได้ยินผ่านหมอนที่อีกคนกัดอยู่บอกได้อย่างดีว่ามีอารมณ์ร่วมแค่ไหน

“จะดีแค่ไหนนะถ้าเธอเป็นคนที่คร่าชีวิตของฉันได้ องค์ชาย”

“..? อ๊ะ..ฮึก…” ท่ามกลางสติสัปปะชัญญะอันน้อยนิด เรวุสหันกลับไปหา ริมฝีปากแดงช้ำที่เผยอขึ้นหมายจะถามโดนช่วงชิงไปอีกในวินาทีสุดท้าย ห้วงอารมณ์ที่ถูกฉุดขึ้นมาจนถึงจุดทำให้เขาตอบรับโอนอ่อนตามจูบนั้นไปโดยไม่รู้ตัว เริ่มจากการขยับเอียงใบหน้า แนบริมฝีปาก กระหวัดเกี่ยวปลายลิ้นทีละน้อย.. ทีละน้อย…

ความอบอุ่นที่ซ่านขึ้นมาในกายแม้จะเป็นเพียงเสี้ยวนาทีสุดท้าย แต่มันก็ทำให้เขาเผลอคิดว่าคนคนนี้อาจไม่ได้เลือดเย็นอย่างที่คิด

…หรือไม่นี่ก็อาจเป็นเพียงแผนลวงที่อีกคนสร้างขึ้นเพื่อให้เขาตกหลุมพรางซ้ำแล้วซ้ำอีกก็เท่านั้น…

…………………………………………………

One thought on “[FFXV]Blot ep.4

Leave a comment